แอมปลิฟายร์รถยนต์ที่มีการบิดเบือนต่ำได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการเปลี่ยนแปลงสัญญาณเสียงที่ไม่ต้องการ ทำให้เสียงที่ขยายออกมามีความถูกต้องตามการบันทึกต้นฉบับ การบิดเบือนของแอมปลิฟายร์อาจปรากฏในรูปแบบของความบิดเบือนเชิงฮาร์มอนิก (harmonic distortion) ความบิดเบือนแบบแทรกสอด (intermodulation distortion) หรือการตัดยอดสัญญาณ (clipping) ซึ่งทั้งหมดนี้จะสร้างเสียงแปลกปลอมที่ลดคุณภาพของเสียง โดยแอมปลิฟายร์ที่มีการบิดเบือนต่ำสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ด้วยการออกแบบวงจรที่แม่นยำ ใช้ชิ้นส่วนคุณภาพสูง และกลไกการตอบกลับแบบทันทีที่ช่วยแก้ไขความผิดปกติของสัญญาณแบบเรียลไทม์ ความบิดเบือนเชิงฮาร์มอนิก ซึ่งเป็นการเพิ่มความถี่ที่ไม่ต้องการที่เป็นเท่าจำนวนของสัญญาณต้นฉบับ จะถูกควบคุมให้อยู่ในระดับต่ำมาก มักวัดได้เป็นเศษส่วนของหนึ่งเปอร์เซ็นต์ (โดยทั่วไป THD < 0.05% ในรุ่นระดับสูง) ซึ่งช่วยให้เสียงดนตรีมีความชัดเจน โดยปราศจากเสียงแหลมหรือทึบเกินไป ความบิดเบือนแบบแทรกสอด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อความถี่สองความถี่ทำงานร่วมกันจนเกิดความถี่ใหม่ที่ไม่ต้องการ ก็จะถูกลดลงด้วยการจับคู่ชิ้นส่วนและวางผังวงจรที่แม่นยำ การตัดยอดสัญญาณ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการบิดเบือนที่เกิดจากการใช้งานแอมปลิฟายร์เกินกำลังที่กำหนด จะถูกป้องกันด้วยวงจรป้องกันในตัวและระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ทำให้แอมปลิฟายร์สามารถจัดการกับจุดสูงสุดของเสียงดนตรีที่เปลี่ยนแปลงได้โดยไม่เกิดการบิดเบือน แอมปลิฟายร์ที่มีการบิดเบือนต่ำมีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบเสียงรถยนต์ ซึ่งเสียงรบกวนพื้นหลังและพื้นที่ภายในที่จำกัดสามารถทำให้ข้อบกพร่องของเสียงเด่นชัดขึ้น มันส่งผลให้ได้เสียงที่สะอาดและมีรายละเอียดครบถ้วน ทำให้ผู้ฟังสามารถแยกแยะเสียงเครื่องดนตรีและเสียงร้องได้อย่างชัดเจน แม้แต่ในบทเพลงที่มีความซับซ้อนก็ตาม ไม่ว่าคุณจะฟังดนตรีคลาสสิกที่มีการเปลี่ยนแปลงพลศาสตร์อย่างละเอียดอ่อน หรือดนตรีแนวร็อคที่มีการเพิ่มเสียงอย่างรุนแรง แอมปลิฟายร์รถยนต์ที่มีการบิดเบือนต่ำจะช่วยรักษาและถ่ายทอดทุกเนื้อเสียงของงานบันทึกต้นฉบับไว้อย่างครบถ้วนและแม่นยำ